รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า..."Risk taking for loss" และ "Risk avoidance for profit" คือสัจธรรมที่เราเห็นในสังคม ยามที่มนุษย์ตกที่นั่งลำบาก หรือกำลังสูญเสีย...จะยอมเสี่ยงทำทุกทางเพื่อให้รอด ยามที่มนุษย์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำไร ได้ประโยชน์ หรือปลอดภัย...จะไม่ยอมตัดสินใจกระทำการเสี่ยงใดๆ ที่จะทำให้แย่ลง ณ เวลานี้ ในสังคมไทย มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยว และผู้ป่วยต่างชาติเข้ามา เพื่อหวังหาเงินเข้าประเทศ
การชงมาตรการลักษณะนี้ ชี้ให้เห็นว่า คนหรือกลุ่มคนที่ชงเรื่องนี้ ยอมกระทำการเสี่ยง เพราะเหตุผลบางอย่างที่ตนเองหรือกลุ่มของตนเองกำลังตกที่นั่งลำบากหรือกำลังสูญเสีย
มิได้มองว่าการระบาดของโรคในไทยนั้นควบคุมได้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้วจะคิดว่าต้องไม่ยอมกระทำการเสี่ยงใดๆ ที่จะทำให้แย่ลงแปลตรงๆ คือ มองประโยชน์ส่วนตนหรือกลุ่มของตนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนในสังคมเป็นตัวตั้ง
การที่กล่าวเช่นนี้เพราะหากมองประโยชน์ของทุกคนในสังคมเป็นตัวตั้งแล้ว จะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นความเสี่ยงในการนำเข้าชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวและมาในลักษณะ medical and wellness tourism นั้นสูงมากเกินกว่าเงินที่ประเทศจะได้รับ ได้ไม่คุ้มเสียยืนยันได้จาก
หนึ่ง สถานการณ์การระบาดของโรคโควิดยังรุนแรง กระจายทั่วโลก ใกล้สิบล้านเต็มที ติดเชื้อวันละกว่า 170,000 คน และหลายต่อหลายประเทศเคยคุมได้ก็กลับมาระบาดรุนแรงระลอกสอง
สอง ค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลรักษาพยาบาลโรคโควิด รวมถึงการควบคุมป้องกันโรคเวลาเกิดหลุดแพร่กระจายในสังคม นั้นมากมายเกินกว่ารายได้ที่ได้จากการรับนักท่องเที่ยวและผู้ป่วยต่างชาติแต่ละคนเข้ามา และเป็นรายจ่ายที่ทุกคนในสังคมต้องแบกรับภาระโดยตรง ในขณะที่เงินรายได้จากการรับนักท่องเที่ยวและผู้ป่วยต่างชาติเข้ามานั้นกลับตรงไปที่กระเป๋าของคนหรือกลุ่มคน มีเพียงส่วนน้อยที่จะกลับมาสู่สังคมในรูปแบบภาษีให้รัฐ
สาม ความเสี่ยงของการแพร่ระบาดซ้ำ หากเกิดเคสหลุดรอด มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากระบบการติดตามผู้สัมผัสหรือต้องสงสัยนั้นยังมีช่องโหว่มาก จากการที่เห็นอัตราการใช้แอพไทยชนะ หรือการบันทึกการใช้บริการที่ต่างๆ ที่ยังไม่ครบถ้วน หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา โอกาสติดตามได้ครบแทบเป็นไปไม่ได้ และระบบการตรวจคัดกรองโรคที่มีอยู่นั้น ศักยภาพการตรวจอาจมีจำกัด จำนวนการตรวจต่อวันนั้นยังน้อยมากหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ สอดคล้องกับผลการวิจัยของต่างประเทศที่ชี้ให้เห็นว่า หากระบบติดตามไม่สมบูรณ์ และระบบการตรวจคัดกรองมีศักยภาพจำกัด โอกาสระบาดซ้ำจะสูงมาก หากมีเคสติดเชื้อหลุดเข้ามาในสังคม
คำถามที่ต้องโยนกลับไปยังศบค. และหน่วยงานความมั่นคงคือ
1. จะเลือกมองแบบใด ระหว่าง Risk taking for loss กับ Risk avoidance for profit... ท่านจะมองว่าเราปลอดภัย ควบคุมได้ ดังนั้นไม่เสี่ยงจะดีกว่า...
หรือท่านจะยอมตัดสินใจเสี่ยง เพื่อหวังจะช่วยใครสักคนสักกลุ่มให้ได้ประโยชน์ เพื่อเค้าจะได้อยู่รอด ในขณะที่ประโยชน์ต่อคนหมู่มากในสังคมไทยนั้นคลุมเครือ แต่ความเสี่ยงต่อทุกคนนั้นมีแน่ๆ
2. มันยุติธรรมหรือ? ที่สังคมไทยไม่มีสิทธิรับรู้เลยว่า ใครหน้าไหนที่เป็นคนชงมาตรการเสี่ยงมาให้วงอำนาจพิจารณา ทั้งๆ ที่มาตรการนั้นเกิดประโยชน์ต่อคนหรือกลุ่มคนที่ชง แต่จะเกิดความเสี่ยงต่อคนทั้งประเทศในมุมมองของผม สิ่งที่ท่านควรทำคือ ชี้แจงให้สังคมได้ทราบว่าใครเป็นคนเสนอมาตรการ และโปรดพิจารณาให้ดีว่า เกมส์โรคระบาดที่รุนแรงทั่วโลก ไม่มียา ไม่มีวัคซีน มีแต่การ์ดสองแขนของเราแต่ละคนนั้น จะสู้แบบยอมเปิดคางให้ไวรัสมาน็อค หรือจะตั้งการ์ดให้เข้มแข็ง ระหว่างที่ทุกฝ่ายกำลังร่วมกันหาอาวุธต่อสู้กับเชื้อโรคให้สำเร็จอยากให้คิดดีๆ คิดลึกๆ อดทน อดกลั้น อดออมรู้จักพอเพียง รักษาประเทศให้อยู่รอดปลอดภัย ยืนบนขาของตนเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติยึดมั่น ดำรงตน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่อิงทุนนิยมประเทศไทยต้องทำได้ครับ...
เอาใจช่วยทุกคน...
June 26, 2020 at 06:23AM
https://ift.tt/2NxLzSU
ชี้กลุ่มที่กำลังสูญเสียชงมาตรการเสี่ยงเปิดประเทศรับผู้ป่วยโควิดต่างชาติ - สยามรัฐ
https://ift.tt/2TYnNTT
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ชี้กลุ่มที่กำลังสูญเสียชงมาตรการเสี่ยงเปิดประเทศรับผู้ป่วยโควิดต่างชาติ - สยามรัฐ"
Post a Comment